วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

ความผิดปกติของระบบประสาท ( Neurocognitive )

ความผิดปกติของระบบประสาท
( Neurocognitive )

มารู้จักกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบประสาท อาการทางระบบประสาท 

       ก.ความผิดปกติในการเคลื่อนไหว หน้าที่อย่างหนึ่งของระบบประสาทคือ ควบคุมการปฏิบัติงานของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย เมื่อส่วนของมันสมองและไขสันหลัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานของกล้ามเนื้อเหล่านั้นเกิดเป็นโรค หรือเมื่อเส้นประสาทที่ติดต่อระหว่างประสาทส่วนกลางและกล้ามเนื้อเกิดเป็นอันตราย จะเป็นผลให้กล้ามเนื้อนั้นๆทำงานผิดปกติ และลักษณะที่ผิดปกตินั้นจะบ่งบอกสาเหตุได้ความผิดปกติในการเคลื่อนไหวอาจมีดังนี้คือ

1. ไม่มีแรง ความสามารถที่จะใช้กล้ามเนื้อในอิริยาบถปกติลดถอยลง

2. อัมพาต หมายถึงไม่สามารถใช้กล้ามเนื้อ หรือกลุ่มของกล้ามเนื้อนั้นๆ ได้ตามบังคับของจิตใจไม่เพียงแต่ไม่มีแรงเท่านั้น อัมพาตและสาเหตุของอัมพาต

3. ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้ โรคของระบบประสาทบางโรคทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบางมัดหรือบางกลุ่มอย่างไม่มีจุดหมาย เพราะบังคับไม่ได้

4.กล้ามเนื้อเกร็งตัว ในยามที่สุขภาพร่างกายสมบูรณ์เป็นปกติ จะมีกลไกที่ทำให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆมีความตึงแน่น และให้เราทรงตัวอยู่ได้โดยที่เราไม่ต้องนึกถึงกาเคลื่อนไหวของร่างกายเลย เมื่อใดที่เราต้องการใช้กล้ามเนื้อมัดนั้น เพื่อการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กลไกที่โดยปกติจะทำให้กล้ามเนื้อตึงแน่น จะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้กล้ามเนื้อนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว โรคของสมองหรือไขสันหลังบางโรคจะทำให้ความสามารถของกล้ามเนื้อที่จะคลายความตึงแน่นหมดไป กล้ามเนื้อจะเกร็งตัวอยู่เช่นนั้น แม้ว่าบุคคลนั้นจะต้องการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

5. เดินไม่ปกติ การเดินเป็นหน้าที่ที่ซับซ้อนอย่างหนึ่งของร่างกาย ความผิดปกติของระบบประสาทจะทำให้การเดินไม่เป็นไปตามปกติได้ เช่นเดินไม่ปกติเนื่องจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาตหรือกระตุก กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน ประสาทที่เกี่ยวกับการทรงตัวไม่ปกติ แม้โรคฮีสทีเรียก็อาจทำให้เป็นได้
6. ชักกระตุก (Tetany) การชักกระตุกแบบ Tetany หมายถึงการที่กล้ามเนื้อตอบรับการกระตุ้นไวผิดปกติ ทำให้เกิดอาการชักเช่นในโรคบาดทะยัก  หรือในภาวะที่ระดับแคลเซียมในกระแสโลหิตลดต่ำมากเช่นในโรค Hypoparathyroidism (โรคเกี่ยวกับต่อมพารไทรอยด์) หรือในกรณีที่ร่างกายมีภาวะเป็นด่างมากเกินไป เพราะสูญเสียกรดจากกระเพาะอาหาร เวลาอาเจียนมากๆ หรือคนที่ตื่นเต้นตกใจง่าย แล้วหายใจถี่มากเกินไปทำให้ร่างกายสูญเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์มาก อาการชักกระตุกนี้จะเกิดได้กับโรคประสาทบางโรคที่เซลของสมอง ตอบรับการกระตุ้นธรรมดาเร็วผิดปกติ
มารู้จักกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบประสาท อาการทางระบบประสาท
           ข. ความผิดปกติในการพูดและการกลืน หน้าที่ทั้งสองนี้จำเป็นต้องอาศัยการประสานงานของกล้ามเนื้ออย่างดีที่สุด ความผิดปกติในการพูดเป็นอาการที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะแสดงว่ากล้ามเนื้อไม่อยู่ในความควบคุมแล้ว ยังอาจเกี่ยวข้องไปถึงความนึกคิดสติปัญญาด้วย โปรดดูบทที่ 16 ในหัวข้อเกี่ยวกับ ความผิดปกติของการพูดและกลืนอาหารลำบาก
มารู้จักกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบประสาท อาการทางระบบประสาทค. อาการชัก หมายถึงการที่กล้ามเนื้อหดตัวอย่างแรงโดยควบคุมไม่ได้ ส่วนมากผู้ป่วยจะหมดสติด้วย

          ง. ความผิดปกติของประสาทสัมผัสทั่วไป

มารู้จักกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบประสาท อาการทางระบบประสาท
        ประสาทสัมผัสนี้ หมายความถึง ความรู้สึกสัมผัสที่ได้รับทางผิวหนัง เยื่อ และกล้ามเนื้อ (เช่นความรู้สึกเจ็บ ร้อนเย็น สัมผัส การทรงตัว) ซึ่งตรงกันข้ามกับอวัยวะสัมผัสพิเศษ เช่นการมองเห็น การได้ยิน การรู้รส และการดมกลิ่น เมื่อประสาทสัมผัสทางผิวหนังหรือเนื้อเยื่อสูญเสียหน้าที่ไป เช่นไม่รู้สึกเจ็บ ไม่ร้อนไม่เย็น เราเรียกว่า “อาการชา” มักจะเป็นเฉพาะบางส่วนของร่างกายซึ่งแพทย์สามารถบอกได้ว่า สาเหตุมาจากระบบประสาทส่วนใด ถ้าการรบกวนแก่เส้นประสาทที่รับความรู้สึกทำให้เกิดอาการผิดปกติ เช่นรู้สึกเหมือนมีเข็มแทง เราเรียกว่า “Paresthesia” แต่ถ้าเป็นสัมผัสธรรมดา แต่เรารู้สึกเน้นหนักเกินปกติเรียก “Hyperesthesia”
            จ. ปวดศีรษะ อาการปวดศีรษะเป็นโรคประจำของมนุษย์ เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท อาการปวดศีรษะมีสาเหตุได้หลายประการและอาจเกี่ยวพันกับโรคอื่นๆในร่างกายได้
            ฉ. เวียนศีรษะ การเวียนศีรษะเป็นความไม่สบายอย่างหนึ่ง ผู้เป็นจะมีความรู้สึกว่าศีรษะหมุน อาจเกิดจากสาเหตุหลายอย่างมารู้จักกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบประสาท อาการทางระบบประสาท
          ช. เสียสายตา อาการมองเห็นไม่ชัดหรือมองไม่เห็นเลยควรถือเป็นอาการร้ายแรง ต้องให้จักษุแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางระบบประสาทตรวจทันที เพราะความผิดปกติของสายตาอาจไม่เกี่ยวกับลูกตาแต่อาจมีสาเหตุมาจากเส้นประสาทที่อยู่ระหว่างลูกตาและสมอง หรือมาจากเนื้อสมองส่วนคอร์เท็กซ์ก็ได้
     ซ. ไม่รู้สึกตัว อาการนี้จำกัดความยากถึงแม้จะเป็นที่สังเกตได้ง่ายระหว่างคนปกติกับคนที่หมดสติ แต่เพื่อให้เข้าใจแน่ชัดอาจสรุปง่ายๆว่า การมีสติคือการที่สมองของบุคคลนั้นทำหน้าที่สั่งงานได้อย่างปกติ รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ทำอะไร และรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว
       การมีสติ โดยความหมายกว้างๆ หมายถึงการที่สมองทั้งหมดทุกส่วนทำงานอย่างปกติ สิ่งใดก็ตามที่รบกวนหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งของสมองจะทำให้ภาวการณ์มีสติถูกรบกวนและการรบกวนอาจมีได้หลายระดับ เช่น สมองทึบ มึนงง ซึม และโคม่า คือไม่รู้สึกตัวไปเลย การไม่รู้สึกตัวต่อสิ่งแวดล้อมไม่จำเป็นต้องมีสาเหตุมาจากระบบประสาท แต่อาจเป็นเพราะสมองขาดโลหิตไปเลี้ยงเป็นระยะเวลาชั่วคราว เช่นในกรณีของคนเป็นลม หรือเชื้อโรคเข้าไปทำให้เกิดเป็นพิษ หรืออาจเป็นเพราะมีก้อนเลือดหรือเนื้องอกกดดันเนื้อสมองก็ได้ ฉะนั้นเมื่อเกิดอาการหมดสติ จึงควรให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยสาเหตุ
มารู้จักกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบประสาท อาการทางระบบประสาท
           ฌ. ประสาทหลอน มี 2 แบบ คือ Hallucination และ Delusions แบบแรก หมายความถึง รู้สึกในสิ่งที่ไม่มีจริง เช่น ผู้ป่วยจะได้ยินหรือเห็น หรือได้กลิ่นโดยที่ประสาทสัมผัสเหล่านั้นไม่มีอะไรมากระตุ้นหรือสัมผัสเลย เรียกว่าประสาทหลอนเป็นผลมาจากกระตุ้นที่ผิดปกติในบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่นั้น จึงเป็นการสมควรที่แพทย์ทางระบบประสาทจะต้องทำการตรวจอย่างละเอียด ส่วน Delusion เป็นความคิดปักใจเชื่อในสิ่งที่ไม่มีจริงแม้จะมีข้อพิสูจน์อย่างใดก็ตาม เช่นหลงเชิ่อว่าตนเป็นคนนั้นคนนี้ซึ่งไม่ใช่ความจริง อาการนี้เป็นอาการของโรคจิตมากกว่าโรคประสาท แต่ก็อาจเป็นได้ทั้งสองอย่าง
ที่มา:  กลุ่มอาการทางระบบประสาท.( มปป ).ออนไลน์.สืบค้นจาก: http://healthmeplease.com/
จัดทำโดย : นางสาวธนาภา  ด้วงรอง เลขที่ 9
                   นางสาวอรอนงค์  ทอดทิ้ง  เลขที่ 26



วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บุคลิกภาพผิดปกติบอร์เดอร์ไลน์ " Borderline "

บุคลิกภาพผิดปกติบอร์เดอร์ไลน์

( Borderline Personality Disorder )


       บุคลิกภาพผิดปกติ หมายถึง ลักษณะรูปแบบพฤติกรรมที่บุคคลแสดงออกอย่างไม่เหมาะสมเบี่ยงเบนไปจากความคาดหวังของสังคม มีรูปแบบคงที่และไม่ยืดหยุ่นในหลายสถานการณ์ โดยมักปรากฏอาการในช่วงวัยรุ่น-วัยผู้ใหญ่ตอนต้น ที่สำคัญคือจะต้องส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานการดำเนินชีวิต จึงจะเรียกได้ว่าเป็นความผิดปกติของบุคลิกภาพ

        บุคลิกภาพผิดปกติชนิดBorderline จัดอยู่ในกลุ่ม Cluster B พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย มีลักษณะเด่น คือ มีความไม่มั่นคงทั้งในส่วนของตัวตน อารมณ์ ภาพลักษณ์ต่อตนเอง และความสัมพันธ์กับผู้อื่น รวมทั้งไม่สามารถควบคุมตนเองได้อย่างมาก รูปแบบดังกล่าวเป็นไปแทบทุกเรื่อง โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้ตั้งแต่ 5 ข้อขึ้นไป

(1) กลัวการถูกทิ้ง พยายามทุกวิถีทางที่จะไม่ถูกทิ้ง 
(2)เดี๋ยวรักเดี๋ยวเกลียด ความสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่มั่นคงสับเปลี่ยนไปมาระหว่างการยกย่องเทิดทูน กับ ด่าว่าไม่เห็นคุณค่า
(3) สับสนในตัวเอง มีภาพลักษณ์ของตนเองไม่คงที่อย่างมาก “เวลาดีๆใจหาย เวลาร้ายก็ร้ายสุดๆ”
(4)วู่วาม ควบคุมตนเองไม่ได้อย่างมาก เกิดขึ้นในอย่างน้อย 2 สถานภาพจนก่อให้เกิดผลเสีย (เช่น ใช้เงินไม่ยั้ง ขับรถอย่างบ้าระห่ำ กินไม่หยุด เรื่องทางเพศ ใช้สารเสพติด ) 
(5) ฆ่าตัวตาย/ทำร้ายตนเองอยู่เรื่อยๆ
(6)อารมณ์แปรปรวนง่าย เปลี่ยนไปตามสิ่งแวดล้อมอย่างมาก (เช่น ไม่สบายใจ หงุดหงิด วิตกกังวล มักเป็นไม่กี่ชั่วโมง)
(7) รู้สึกว่าตนเอง "ว่างเปล่า" อยู่ตลอด
(8) เมื่อโกรธจะไม่สามารถควบคุมได้ (เช่น อาละวาด ฉุนเฉียว มีเรื่องชกต่อยอยู่เรื่อยๆ)
(9) สูญเสียความทรงจำ ขาดสติ หรือมีความคิดหวาดระแวงเกิดขึ้นชั่วขณะ 

>>>อะไรที่สร้างปัญหา?
- อารมณ์แปรปรวนง่าย พฤติกรรมคาดเดาได้ยาก หุนหันพลันแล่น ส่งผลกระทบทั้งต่อตนเองหรือผู้อื่น
- เสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การทำร้ายตนเอง พฤติกรรมวู่วามหุนหันพลันและ ใช้จ่ายไม่ยั้ง สารเสพติด หรือปัญหาทางเพศ
- มีความรักแบบไม่สมดุล เช่น พึ่งพิงอย่างมากแต่ก็โกรธเกรี้ยวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ เดี๋ยวรักเดี๋ยวเกลียด
- มีอาการทางจิตช่วงสั้นๆเกิดขึ้นได้เป็นพักๆ เช่น หวาดระแวง ไม่ไว้วางใจ
- ความว่างเปล่าภายในใจและตัวตน มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า

>>>การรักษา
- จิตบำบัด เพื่อฝึกควบคุมและจัดการความวู่วาม ลดความไวทางอารมณ์ต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือการไม่ยอมรับ เพิ่มรูปแบบในการตอบสนองเมื่อพบกับความเครียดและรูปแบบทางสังคมแบบต่างๆ
- ยา ให้เพื่อประคับประคองอาการที่เกิดขึ้น เช่น วิตกกังวล อาการทางจิต อารมณ์ซึมเศร้า ความก้าวร้าวหุนหันพลันแล่น

(1) กลัวการถูกทิ้ง พยายามทุกวิถีทางที่จะไม่ถูกทิ้ง 
(2) เดี๋ยวรักเดี๋ยวเกลียด ความสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่มั่นคงสับเปลี่ยนไปมาระหว่างการยกย่องเทิดทูน กับ ด่าว่าไม่เห็นคุณค่า
(3) สับสนในตัวเอง มีภาพลักษณ์ของตนเองไม่คงที่อย่างมาก “เวลาดีๆใจหาย เวลาร้ายก็ร้ายสุดๆ”
(4) วู่วาม ควบคุมตนเองไม่ได้อย่างมาก เกิดขึ้นในอย่างน้อย 2 สถานภาพจนก่อให้เกิดผลเสีย (เช่น ใช้เงินไม่ยั้ง ขับรถอย่างบ้าระห่ำ กินไม่หยุด เรื่องทางเพศ ใช้สารเสพติด ) 
(5) ฆ่าตัวตาย/ทำร้ายตนเองอยู่เรื่อยๆ
(6) อารมณ์แปรปรวนง่าย เปลี่ยนไปตามสิ่งแวดล้อมอย่างมาก (เช่น ไม่สบายใจ หงุดหงิด วิตกกังวล มักเป็นไม่กี่ชั่วโมง)
(7) รู้สึกว่าตนเอง "ว่างเปล่า" อยู่ตลอด
(8) เมื่อโกรธจะไม่สามารถควบคุมได้ (เช่น อาละวาด ฉุนเฉียว มีเรื่องชกต่อยอยู่เรื่อยๆ)
(9) สูญเสียความทรงจำ ขาดสติ หรือมีความคิดหวาดระแวงเกิดขึ้นชั่วขณะ 
>>>อะไรที่สร้างปัญหา?
- อารมณ์แปรปรวนง่าย พฤติกรรมคาดเดาได้ยาก หุนหันพลันแล่น ส่งผลกระทบทั้งต่อตนเองหรือผู้อื่น
- เสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การทำร้ายตนเอง พฤติกรรมวู่วามหุนหันพลันและ ใช้จ่ายไม่ยั้ง สารเสพติด หรือปัญหาทางเพศ
- มีความรักแบบไม่สมดุล เช่น พึ่งพิงอย่างมากแต่ก็โกรธเกรี้ยวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ เดี๋ยวรักเดี๋ยวเกลียด
- มีอาการทางจิตช่วงสั้นๆเกิดขึ้นได้เป็นพักๆ เช่น หวาดระแวง ไม่ไว้วางใจ
- ความว่างเปล่าภายในใจและตัวตน มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า
>>>การรักษา
- จิตบำบัด เพื่อฝึกควบคุมและจัดการความวู่วาม ลดความไวทางอารมณ์ต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือการไม่ยอมรับ เพิ่มรูปแบบในการตอบสนองเมื่อพบกับความเครียดและรูปแบบทางสังคมแบบต่างๆ
- ยา ให้เพื่อประคับประคองอาการที่เกิดขึ้น เช่น วิตกกังวล อาการทางจิต อารมณ์ซึมเศร้า ความก้าวร้าวหุนหันพลันแล่น
ที่มา: คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา.2014.ความผิดปกติของบุคลิกภาพบอร์เดอร์ไลน์.ออนไลน์.แหล่งที่มา:
         https://www.facebook.com/D2JED สืบค้นเมื่อ 13/12/57
จัดทำโดย :นางสาวธนาภา  ด้วงรอง  เลขที่ 9 สธศ.561
                  นางสาวอรอนงค์  ทอดทิ้ง เลขที่ 26 สธศ.561